มนุษย์เรามีความเชื่อเรื่องดวงชะตาย้อนหลังไปนานนับพันปี จนเกิดเป็นศาสตร์พยากรณ์ขึ้นมาหลายแขนงไม่ว่าจะเป็นการพยากรณ์ด้วยไพ่ ลายมือ ตัวเลข ฯลฯ แม้แต่ในพระพุทธศาสนาก็มีการพยากรณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเมื่อครั้งเจ้าชาย สิทธัตถะประสูติ ก็มีโหรทำนายว่าจะได้เป็นจักรพรรดิ์หรือเป็นศาสดาเอกของโลก
ข้าพเจ้าเห็นว่าการพยากรณ์ต่างๆที่มีอยู่ในโลกนี้เกิดจากข้อมูลมหาศาลที่เก็บรวบรวมสถิติจากอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงทำให้การพยากรณ์มีแนวโน้มของความเป็นไปได้อยู่บ้าง แต่เราจะเชื่อไปเสียทั้งหมดก็ไม่สมควรเพราะคำว่าสถิติก็เป็นเพียงแนวโน้มเท่านั้น ไม่สามารถฟันธงลงไปได้ว่าจะเกิดขึ้นร้อยเปอร์เซ็นหรือไม่ ความหมายของการพยากรณ์คือมีโอกาสเกิดเป็นไปได้เท่านั้นเอง
แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่เราสามารถควบคุมได้นั่นคือตัวเรา ทั้งนี้การที่คนคนหนึ่งจะควบคุมตัวเองได้ก็เป็นไปตามกำลังของสติและการฝึกฝนร่างกายให้อยู่ภายใต้สติเสมอ เช่น คนที่กำลังตกใจแล้วตั้งสติได้ขณะขับรถอยู่ก็จะสามารถบังคับร่างกายให้ควบคุมรถได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ เราอาจสังเกตได้จากนักขับรถแข่งความเร็ว ภาพที่อยู่ข้างหน้าขณะขับรถด้วยความเร็วสูงผู้ที่ไม่มีสติย่อมตกใจคงต้องขับรถตกข้างทางแน่ๆแต่ผู้ที่ฝึกมาดีแล้วย่อมไม่ตกใจรู้ว่าจะขับอย่างไรในความเร็วสูงให้ปลอดภัยได้
ดังนั้นถ้าเราต้องการพยากรณ์อนาคตของเราให้แม่นยำ สิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งคือการกำหนดด้วยตัวเราเอง เช่นเราอยากจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนแบบไหนเราก็สามารถทำได้ ด้วยการฝึกกำลังสติและกำลังกายควบคู่กันเหมือนนักกีฬาที่ดีย่อมฝึกทั้งกายและใจโดยอาศัยตารางการฝึกที่มีวินัยทำอยู่เสมออย่างนั้นเป็นประจำ หากมีกำลังใจอย่างเดียวไม่มีการฝึกร่างกายให้แข็งแกร่งด้วยก็ไม่สามารถแข่งขันได้นานทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าไปไม่ถึงเส้นชัย
แม้แต่มูซาชิผู้เป็นตำนานนักดาบมือฉกาจไร้คู่ปรับที่มีชีวิตในช่วงสองพันปีก่อน ก็ยังถ่ายทอดเอาไว้ในคัมภีร์ห้าห่วงเรื่องการฝึกกายและใจควบคู่กันไปจนทำให้ต่อสู้ไม่เคยแพ้ใคร สุดท้ายนี้ไม่ว่าคุณจะออกมาจากสำนักของหมอดูและได้รับคำนายมาอย่างไรก็ตาม เช่นหมอดูอาจบอกว่าคุณเป็นคนโชคดีมากคุณจะรวยในสามวันเจ็ดวันจากนั้นคุณก็กลับบ้านไปนอนทั้งวันเฝ้ารอว่าจะมีใครสักคนหรือมีโชคหล่นมาจากฟ้าให้คุณเป็นคนรวยโดยจริงหรือครับ? หรือหมอดูอาจบอกว่าคุณจะต้องเสียเงินก้อนใหญ่จากนั้นคุณจะกลับบ้านไปมีแต่ความกังวลจนต้องระแวงทุกคนที่เข้ามาหาคุณหรือครับ?
แล้วคุณหล่ะ เชื่อในดวงชะตาหรือไม่?