รถอีโคคาร์ ปี2020 ประหยัดน้ำมันจริงไหม?
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า เจ้ารถอีโคคาร์ หรือ Eco Car เป็นชื่อที่ย่อมาจากคำว่า Ecology Car หรือรถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อม หรือรถยนต์ประหยัดพลังงาน ซึ่งรถประเภทอีโคคาร์นั้นราคาถูกเป็นผลมาจากการที่บางประเทศได้รับการยกเว้นในเรื่องของภาษี เพื่อส่งเสริมการลดปริมาณการใช้น้ำมันหรือเชื้อเพลิงนั่นเอง
แต่แน่นอนว่าการจะได้รับรองว่าเป็นรถอีโคคาร์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านข้อกำหนดตามมาตรฐานต่าง ๆ ของยุโรป รวมไปถึงข้อกำหนดปลีกย่อยในแต่ละประเทศ ทำให้คุณสามารถมั่นใจได้ว่า นอกจากจะประหยัดเงินในกระเป๋าแล้ว ตัวรถยังผ่านมาตรฐานการรับรองทุกขั้นตอน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยหากรถอีโคคาร์จะเป็นตัวเลือกรถยนต์สมัยนี้ที่น่าสนใจ
สิ่งที่ทำให้รถอีโคคารแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปคือ อัตราการใช้น้ำมันที่ประหยัดที่มีมาตรฐานว่า น้ำมัน 1 ลิตร รถอีโคคาร์สามารถวิ่งได้ระยะทาง 20 กิโลเมตร เมื่อเฉลี่ยออกมาแล้วจะได้ค่าน้ำมันที่ถูกกว่ารถยนต์ทั่วไป
ส่วนมาตรฐานเครื่องยนต์จะอยู่ที่ขนาด 1,300 cc สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และ 1,400 cc เครื่องยนต์ดีเซล รวมถึงละด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่ดี การปล่อยมลพิษปลอดภัย และต้องน้อยกว่า 120 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร
สรุปแล้วจุดต่างของรถอีโคคาร์กับรถยนต์ทั่วไปคือเรื่องของการใช้น้ำมัน ใช้เชื้อเพลิง รวมไปถึงการปล่อยมลพิษนี่แหละ
ข้อดีน่าตำ ข้อเสียน่าคิด
พูดถึงความต่างจากรถทั่วไปแล้ว ลองมาดูข้อดีข้อเสียกันหน่อยดีกว่า เผื่อใครที่ชั่งใจว่าจะซื้อดีหรือไม่จะได้ตัดสินใจกันได้ โดย rabbit finance แบ่งไว้ให้แบบชัด ๆ ดังนี้
ข้อดีน่าตำจากรถอีโคคาร์
ประหยัดน้ำมัน รักษ์โลก เมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป แถมยังเผาไหม้ ปล่อยมลพิษน้อยมาก ๆ ที่สำคัญยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันรถได้อีกด้วย
มีขนาดที่กะทัดรัด เล็ก น้ำหนักเบา ทำให้หาที่จอดได้ง่าย เพศไหนก็ขับได้ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง
ค่าบำรุงรักษาต่ำ เนื่องจากมีจำนวนอะไหล่น้อยชิ้นกว่ารถประเภทอื่น ๆ
ข้อเสียน่าคิด
เนื่องจากรถอีโคคาร์เน้นรถที่มีขนาดกะทัดรัดทำให้พื้นที่ในรถยนต์ และพื้นที่เก็บของ เก็บสัมภาระได้น้อย อาจจะไม่ตอบโจทย์คนที่ใช้พื้นที่เยอะ หรือโดยสารหลายคน
รถอีโคคาร์ไม่ใช่นถเครื่องยนต์ใหญ่ ทำให้เร่งความเร็วได้ไม่มากนัก เช่น 1,500 cc รถยนต์จะเร่งความใช้เวลา 12 วินาที แต่รถอีโคคาร์อาจจะใช้เวลาราวๆ 16 วินาที ซึ่งก็อาจจะไม่ทันใจนักขับขี่บางราย
รถอีโคคาร์ไม่เหมาะกับขับทางไกลจริงๆ หรือ ?
ต้องบอกเลยว่าในความเป็นจริงแล้ว ประเด็นดังกล่าวไม่เป็นความจริง แม้ว่ารถยนต์อีโคคาร์ส่วนใหญ่จะใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร มีขนาดเล็กน้ำหนักเบากว่ารถยนต์ที่ใหญ่กว่า แต่ก็สามารถขับต่างจังหวัดได้ และบางรุ่นขับได้ดีแถมประหยัดน้ำมันกว่าด้วย (ยกเว้นแต่คุณจะขับรถในสถานที่วิบากจริง ๆ)
นอกจากนี้ รถอีโคคาร์รุ่นหลัง ๆ ได้พยายามทำตัวรถให้มีพื้นที่กว้างขวางเพิ่มมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องใช้พื้นที่ในรถมากขึ้น เรียกได้ว่าเดี๋ยวนี้รถอีโคคาร์ก็เริ่มพัฒนาจุดด้อยลงไปได้มากเลยล่ะ เพื่อให้ตอบโจทย์และเป็นที่ต้องการของคนอยากซื้อรถยนต์
มีวิธีให้รถยนต์ประหยัดน้ำมันเท่าอีโคคาร์ได้บ้างไหม ?
รถอีโคคาร์มีข้อดีเยอะ และน่าสนใจมาก ๆ สำหรับใครที่ต้องขับรถบ่อย ๆ เพราะช่วยเซฟน้ำมันได้เยอะ แต่ครั้นจะให้ขายรถเก่าเพื่อมาซื้อรถใหม่หลายคนก็อาจจะไม่สะดวกด้วยปัจจัยด้านการเงิน เราก็อาจจะใช้วิธีการต่อไปนี้ในการช่วยประหยัดน้ำมันลงได้บ้าง เช่น
ตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ เพราะหากไม่มีการซ่อมบำรุง เปลี่ยนอะไหล่เมื่อเสื่อมสภาพก็จะทำให้อายุการใช้งานของรถสั้นลง ส่งผลให้รถกินน้ำมันมากขึ้น และที่สำคัญก็คือเรื่องความปลอดภัยของผู้ขับขี่เองด้วย
การสตาร์ทเครื่องยนต์และออกตัวต้องใจเย็น คุณควรค่อย ๆ แล่นรถออกไปในระยะ 1-2 กิโลเมตร จะช่วยประหยัดน้ำมันกว่าการสตาร์ทเครื่องยนต์และจอดอุ่นเครื่องอยู่กับที่ 2-3 นาที เพราะจะทำให้เสียน้ำมันไปกว่า 40 cc เลยนะ
อย่าย่ำคันเร่งบ่อย ๆ เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก โดยไม่จำเป็น หรือแม้แต่เบรกบ่อยก็ไม่ดีนะคะ
รักษารอบเครื่องยนต์ให้คงที่ โดยอัตราความเร็วรถที่เหมาะสมและประหยัดน้ำมันมากที่สุดคือ 60-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ประมาณ 15-20%
ไม่ขับแทรก หรือเปลี่ยนเลนบ่อย เพราะจะทำให้ตัวผู้ขับต้องเร่งความเร็ว เพื่อให้ทันกับรถที่จะเข้าไปแทรก และอาจจะทำให้ใช้กำลังเครื่องมากจนเกินความจำเป็น
บรรทุกของเท่าที่จำเป็น เพราะการทำให้น้ำหนักรถเพิ่มขึ้น รถก็จะทำงานหนักมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใส่ของไว้ในรถเยอะเกินไป หรือการแต่งรถ เพิ่มความหนักล้อ หรือชุดเครื่องเสียงก็ส่งผลทั้งนั้นนะคะ
เลือกใช้น้ำมันให้ถูกประเภทกับรถ และหยุดพฤติกรรมบอก “เติมเต็มถัง” เพราะ ทุกครั้งที่เติมน้ำมันเต็มถังนอกจากลิ้นหัวจ่ายน้ำมันจะถูกตัวเซนเซอร์สั่งปิดโดยอัตโนมัติ ยังมีการส่งน้ำมันที่ค้างในหัวจ่ายส่วนหนึ่ง ซึ่งผ่านการคิดเงินจากมิเตอร์แล้ว ย้อนกลับไปยังตัวปั๊มจ่าย ดังนั้นส่วนที่ค้างอยู่ในท่อจ่าย จะถูกส่งคืนให้แก่ผู้ขาย ทำให้ไม่คุ้มกับการจ่ายเงินนั่นเอง
เปลี่ยนเครื่องยนต์จากเบนซินเป็นดีเซล สำหรับทุกวันนี้เรามีเครื่องยนต์ให้เลือกหลากหลาย แต่หลายคนอาจจะยังใช้รถยนต์เก่า และอยากจะลองเปลี่ยนเครื่องยนต์เพื่อใช้น้ำมันที่มีราคาถูกลงบ้าง นี่ก็เป็นอีกหนทางนึง แต่ต้องหาช่างและร้านที่ได้มาตราฐาน ปลอดภัย ไม่อย่างงั้นอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
ขอขอบคุณที่มา : autospinn.com