จงอย่าหลงระเริงเมื่อมีสุข จงอย่าคิดสั้นเมื่อมีทุกข์
การปล่อยวางนั้นถือเป็นสิ่งที่ทุกคนพึงจะกระทำ เพราะหากเรายึดมั่นถือมั่นจะเกิดความทุกข์กายทุกใจกับเราเสียเปล่า โดยบทความนี้เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับการปล่อยวาง ซึ่งมีวิธีหรือการทำอย่างไร ถึงจะปล่อยวางจากสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับเราได้
ธรรมะสอนใจการปล่อยวาง
ควรระงับความโกรธแค้นในจิตใจและมีความรักและปรารถนาดีต่อผู้อื่น
ดังได้มีคำกล่าวเอาไว้ว่า “ความโกรธเปรียบเสมือนยาพิษที่เราเป็นผู้กลืนลงไปในคอตัวเอง เพื่อหวังที่จะฆ่าผู้อื่น” เราจะเห็นได้จากหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อคนเรามีความโกรธแค้น หรืออาฆาตผู้อื่น คนผู้นั้นจะมีชีวิตที่ไม่สงบสุข มัวแต่จะจองล้างจองผลาญผู้อื่น จนสิ่งเลวร้ายต่างๆที่ตนได้ทำนั้นวกกลับมาให้โทษแก่ตัวเอง เพราะฉะนั้นเราควรปล่อยวาง ไม่อาฆาตพยาบาทผู้อื่น แล้วจิตใจของเราจะสงบ ปราศจากทุกข์ใดๆ
อุปสรรคคือบททดสอบชีวิต
มีคำสอนในพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า อุปสรรคความทุกข์ยากบางอย่างที่คุณกำลังประสบอยู่นั้น เกิดแต่กรรมเก่า ยิ่งลำบากทุกข์มากเท่าไหร่ นั่นคือคุณกำลังชดใช้กรรมเก่าให้หมดไป
แต่ไม่ว่าคุณจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม มันก็จะทำให้คุณมีกำลังใจที่จะปรับปรุงแก้ไขเหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ซึ่งเป็นเสมือนการทดสอบความเป็นตัวตนของคุณ
การสวดมนต์แผ่เมตตา
บางครั้งเราก็หลีกเลี่ยงสิ่งไม่ดีที่ผู้อื่นจงใจหรือมิจงใจมากระทำแก่เราได้ หากเราคิดแค้นพยาบาทและต้องการเอาคืน สุดท้ายแล้วก็จะไม่มีฝ่ายไหนที่จะเป็นสุขได้เลย การสวดมนต์แผ่เมตตาให้กับคนๆนั้น จะช่วยให้จิตใจเราผ่องใส พร้อมกับเรียกสติของเรากลับคืนมา
ปล่อยให้มันเป็นไป
หยุดที่จะคิดหรือคาดการณ์หรือบังคับเหตุการณ์ในอนาคต เพราะไม่มีใครสามารถที่จะหยั่งรู้ในอนาคตได้ ควรที่จะทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมที่กำหนด ไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆ เท่านี้จิตใจของเราก็จะสงบ และมีความสุข
ทั้งสองอย่างนี้ คือองค์ประกอบบางส่วนในการปฏิบัติ ที่จะทำให้เรารู้จักการปล่อยวางในการใช้ชีวิต ทำให้เรามีความสุขในการดำเนินชีวิตและปราศจากทุกข์แก่ตนเองและผู้อื่น
หัดมองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ซะบ้าง แม้จะไม่ถูกต้องก็ตาม
เมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่เล็กน้อยกำลังอยู่ในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกเครียดจนลืมมองถึงหลาย ๆ อย่างที่กำลังไปได้สวย ซึ่งมีค่ามากกว่าที่คุณจะเอาเวลามาเครียดกับสิ่งผิดพลาดที่อาจส่งผลทำให้คุณท้อถอย ดังนั้นลองมองข้ามสิ่งผิดพลาดเหล่านั้นไปและขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่ยังเหลืออยู่ดีกว่า
ไม่มีคำว่าผิดที่ผิดเวลา
เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาและสถานที่เหล่านั้น ต่างก็มีเหตุผลว่าทำไมถึงได้เกิดขึ้น และไม่ใช่ความผิดพลาดหรือเกิดขึ้นผิดที่ ผิดเวลา อย่างแน่นอน ดังนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นในเวลาที่ไม่คาดคิด อย่าเพิ่งคิดว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ควรเกิดขึ้น แต่ควรจะขอบคุณด้วยซ้ำที่สิ่งเหล่านั้นได้เกิดขึ้น เพราะปัญหาจะทำให้คุณเติบโตขึ้นไปอีกขั้น